ในบทความที่แล้วที่ได้กล่าวถึง คำนาม noun ทั้ง 8 ชนิด เรายังสามารถแยกคำนามออกเป็น 2 ประเภท คือ คำนามนับได้ และ คำนามนับไม่ได้ countable noun and uncountable noun ซึ่งมีลักษณะดังนี้
คำนามนับได้ Countable noun คือ คำนามที่มีลักษณะนับได้ เห็นเป็นชิ้นเป็นอันชัดเจน สังเกตได้จาก คำนำหน้านาม article (ซึ่งจะกล่าวในบทถัดไป) เช่น a cat แมวตัวหนึ่ง, a dog สุนัขตัวหนึ่ง, an elephant ช้างตัวหนึ่ง, a pen ปากกาหนึ่งด้าม, a book หนังสือเล่มหนึ่ง เป็นต้น
คำนามนับไม่ได้ Uncountable noun คือ คำนามที่นับไ่ม่ได้ เป็นคำนามที่ไม่ได้มีเป็นจำนวนหนึ่ง
มีลักษณะไม่สามารถหยิบหรือจับได้เป็นชิ้นเป็นอัน (นอกจากบรรจุในภาชนะ) เช่น ink หมึก, grass หญ้า, powder แป้ง, water น้ำ เป็นต้น ซึ่ง คำนามนับไม่ได้ uncountable noun เหล่านี้สามารถทำให้เป็น คำนามนับได้ countable noun โดยระบุจำนวนแน่ชัดเป็นจำนวนที่นับได้ ก็จะกลายเป็นนามนับได้ทันที เช่น ในรูปเอกพจน์ เช่น a cup of coffee กาแฟหนึ่งแก้ว, a glass of water น้ำหนึ่งแก้ว, a bottle of milk นมหนึ่งขวด เป็นต้น และในรูปพหูพจน์ เช่น cups of coffee กาแฟหลายแก้ว, two glasses of water น้ำสองแก้ว, four bottles of milk นมสี่ขวด เป็นต้น
เอกพจน์ Singular และ พหูพจน์ Plural
คำนามที่เป็นเอกพจน์ คือคำนามที่่มีจำนวนเป็นหนึ่ง
คำนามที่เป็นพหูพจน์ คือคำนามที่มีจำนวนมากกว่าหนึ่ง
ตัวอย่างการเปลี่ยนเอกพจน์ singular เป็นพหูพจน์ plural
1. เติม s ได้ทันทีหลังคำนามทั่วไปที่มีรูปเป็นเอกพจน์ เช่น
เอกพจน์ พหูพจน์
dog dogs สุนัข
cat cats แมว
bird birds นก
book books หนังสือ
clock clocks นาฬิกา
2. เติม es ได้ทันทีถ้าคำนามนั้นลงท้ายด้วยเสียง s เช่น
เอกพจน์ พหูพจน์
bus buses รถบัส
box boxes กล่อง
grass grasses หญ้า
3. ถ้าคำนามลงท้าย o ให้เติม es
เอกพจน์ พหูพจน์
mango mangoes มะม่วง
tomato tomatoes มะเขือเทศ
potato potatoes มันฝรั่ง
buffalo buffaloes ควาย
volcano volcanoes ภูเขาไฟ
hero heroes พระเอก
แต่ก็มี noun ที่ลงท้ายด้วย o หลายคำที่ไม่นิยมเติม es เมื่อเปลี่ยนเป็นพหูพจน์ คงเติม s เท่านั้น เช่น
radio เป็น radios วิทยุ, photo เป็น photos ภาพถ่าย, piano เป็น pianos เปียโน, zoo เป็น zoos สวนสัตว์ , zero เป็น zeros ศูนย์ เป็นต้น
4. คำนามที่ลงท้ายด้วย y จะต้องเปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es เช่น
เอกพจน์ พหูพจน์
baby babies เด็ก
body bodies ร่างกาย
army armies กองทัพ
lady ladies สุภาพสตรี
แต่ก็มีคำต่อไปนี้เติม s ได้ทันทีโดยไม่ต้องเปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es เช่น boy เป็น boys
เด็กผู้ชาย, toy เป็น toys ของเล่น, key เป็น keys กุญแจ, monkey เป็น monkeys ลิง เป็นต้น
เด็กผู้ชาย, toy เป็น toys ของเล่น, key เป็น keys กุญแจ, monkey เป็น monkeys ลิง เป็นต้น
5. คำนามที่ลงท้ายด้วย f หรือ fe จะต้องเปลี่ยนเป็น v แล้วเติม es เ่ช่น
เอกพจน์ พหูพจน์
wolf wolves หมาป่า
wife wives ภรรยา
life lives ชีวิต
leaf leaves ใบไม้
แต่ก็มีคำต่อไปนี้ที่เติม s ได้เลยโดยไม่ต้องเปลี่ยน f เป็น v เช่น
chief เป็น chiefs, ผิวหน้า cliff เป็น cliffs, หน้าผา, roof เป็น roofs หลังคา, safe เป็น safes ความปลอดภัย, gulf เป็น gulfs อ่าว เป็นต้น
นอกจากนั้นแล้วยังมี คำนาม noun บางกลุ่มที่จะต้องเปลี่ยนรูปเมื่อเป็นพหูพจน์ เช่น
ผู้หญิง woman เมื่อเป็นพหูพจน์จะเปลี่ยนเป็น women
ผู้้ชาย man เมื่อเป็นพหูพจน์จะเปลี่ยนเป็น men
ฟัน tooth เมื่อเป็นพหูพจน์จะเปลี่ยนเป็น teeth
เท้า foot เมื่อเป็นพหูพจน์จะเปลี่ยนเป็น footh
หนู mouse เมื่อเป็นพหูพจน์จะเปลี่ยนเป็น mice
ห่าน goose เมื่อเป็นพหูพจน์จะเปลี่ยนเป็น geese
ที่ได้กล่าวมาจากบทความก่อนหน้านี้และจนถึงย่อหน้านี้เป็นบทที่ว่าด้วยเรื่องของ คำนาม noun ในบทต่อไปจะได้กล่าวถึงคือ article คำนำหน้านาม โปรดติดตามครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น